งานวิจัยขิงกับการบรรเทาอาการ อาการช่วยจุกเสียดแน่น เมารถ เมาเรือ หรืออาการแพ้ท้องโดยมหาวิทยาลัย Brig

ในเรื่องของขิงกับการบรรเทาอาการเมารถ เมาเรือ หรืออาการแพ้ท้อง นั้นก็พบว่าขิงสามารถช่วยป้องกันอาการเหล่านี้ได้ งานวิจัยชิ้นแรกทำในปี ค.ศ.1982 หรือประมาณ พ.ศ. 2525 โดยมหาวิทยาลัย Brigham Young ในประเทศอังกฤษ ซึ่งผลการวิจัยนี้ก็ได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชื่อดัง Lancet งานวิจัยได้มีการศึกษาผลในการบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน อันเนื่องจากการที่ร่างกายต้องเคลื่องไหวอย่างรวดเร็ว เปรียบเทียบระหว่างยาแก้แพ้ชื่อ ไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate) ขนาด 100 มิลลิกรัมและขิงผลขนาด 940 มิลลิกรัม ในอาสาสมัครที่มีประวัติเมารถหรือเมาเรือ โดยอาสาสมัครนั่งเก้าอี้หมุนที่มีการเคลื่องไหวอย่างรวดเร็ว พบว่าขิงผงทำให้อาสาสมัครนั่งอยู่บนเก้าอี้ได้นานกว่าการรับประทานยาไดเมนไฮดริเนตถึง 57 เปอร์เซ็นต์ จากงานวิจัยชิ้นนี้ นักวิจัยได้แนะนำให้ใช้ขิงแคปซูล ชาชงขิง หรือเครื่องดื่มจิงเจอร์เอล (Ginger ale)
นอกจากนั้นยังมีการศึกษาในทหารเรือชาวสวีเดน พบว่าการรับประทานขิงจะช่วยลดอาการเมาเรือได้ 72 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก (ยาหลอก เป็นชื่อเรียกสารที่ให้กับอาสาสมัครในงานวิจัย ซึ่งโดยปกติยาหลอกจะไม่มีผลต่อการักษา แต่การให้ยาหลอกก็เพื่อเป็นการลดผลทางจิตวิทยาว่าอาสาสมัครไม่ได้รับยาเพื่อการรักษาโรค) นอกจากนั้นยังมีการวิจัยในอังกฤษถึงประสิทธิภาพของขิงในการป้องกันอาการคลื่นไส้และอาเจียน เนื่องจากการผ่าตัด โดยเทียบกับยาต้านการอาเจียน ชื่อเมโทโคลปราไมด์ (Metoclopramide) พบว่าขิงช่วยป้องกันอาการคลื่อนไส้อาเจียน เนื่องจากการผ่าตัดได้มากกว่า ยาเมโทโคลปราไมด์อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าในปัจจุบันยังไม่มีการวิจัยเรื่องขิงในการป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียน เนื่องจากการได้รับยาเคมีบำบัดของผู้ป่วยมะเร็งก็ตาม แต่ใน Commission E หรือตำรายาโบราณของเยอรมันก็ระบุไว้ว่ามีการใช้ขิงเพื่อป้องกันอาการอาเจียนในผู้ป่วยมะเร็งอย่างได้ผล
ขิงยังช่วยบรรเทาอาการช่วยจุกเสียดแน่น การวิจัยในห้องปฏิบัติการพบว่าในขิงมีองค์ประกอบที่คล้ายคลึงกับเอมไซม์ที่ใช้ย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร ดังนั้นคนที่มีอาการแน่นจุกเสียด หรือมีปัญหาเนื่องจากอาหารไม่ย่อยก็สามารถรับประทานขิงได้ ขิงยังช่วยลดอาการปวดเกร็งในช่องท้อง เนื่องจากโรคในทางเดินอาหาร รวมถึงอาการปวดประจำเดือนในช่วงที่ผู้หญิงมีรอบเดือนได้ด้วย
การวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสารที่มีชื่อเสียง New England Journal of Medicine พบว่าขิงช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือด (Blood clots) ซึ่งการแข็งตัวของเลือดนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจวายและอัมพฤกอัพาตได้ ดังนั้นบรรดานักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายจึงแนะนำให้รับประทานขิงเพื่อให้อายุยืน โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ซึ่งพบกันมากในสังคมปัจจุบัน ขิงยังช่วยป้องกันอาหารปวดจากบาดแผลได้ ถึงแม้ว่าขิงจะไม่ช่วยให้แผลหารเร็วขึ้นก็ตาม ส่วนการวิจัยในห้องปฏิบัติการพบว่าขิงมีสารต้านการอักเสบ ซึ่งคนยุโรปสมัยโบราณใช้ขิงในการบรรเทาอาการอักเสบของข้อเข่า (Arthritis) สุดท้ายการศึกษาของแพทย์จีนพบว่าขิงช่วยฆ่าเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งเป็นไวรัสที่เป็นสาเหตุของการเกิดหวัด ส่วนการศึกษาของอินเดียพบว่าขิงช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ ซึ่งการศึกษานี้สนับสนุนให้เห็นถึงการใช้ขิงของคนจีนโบราณในการบรรเทาอาการไข้หวัด และโรคอันเกี่ยวเนื่องกับการติดเชื้อ ไม่ใช่ว่าขิงจะมีประโยชน์ในทางยาเท่านั้น ขิงยังถูกนำมาใช้เพื่อความงามด้วย ขิงจะช่วยลดความมันของหนังศีรษะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงหนังศีรษะ เวลาที่เลือดไปเลี้ยงที่อวัยวะใด อวัยวะนั้นก็จะมีการทำงานที่ดีขึ้น อย่างเช่น หนังศีรษะถ้ามีเลือดมาเลี้ยงมากๆ ก็จะกระตุ้นให้ผมงอกมากขึ้นได้ ซึ่งขิงเองเหมาะกับคนที่มีปัญหาผมร่วงที่เกิดจากภาวะหนังศีรษะมัน
Source: อภัยภูเบศรสาร ประจำเดือน มีนาคม 2549