เห็ดหลินจือแดง โดย หมอมวลชน
คืออะไร? มีเรื่องจริงบันทึกไว้ว่า เมื่อปี พ.ศ.2538 มีข่าวนายทหารไทยท่านหนึ่ง ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ กำลังรักษาตัวที่สหรัฐ หลังทำการผ่าตัดร่วมกับการใช้ยาเคมีบำบัดและฉายแสง อาการกลับทรุดหนักลง เมื่อได้รับประทานยาต้มเห็ดหลินจือของโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา อาการกลับดีขึ้นโดยลำดับ จนหายเป็นปกติ ข่าวนี้จุดประกายความสนใจในหมู่ประชาชนและผู้ป่วยมะเร็งนับแต่นั้นมา
เห็ดหลินจือ เป็นเห็ดที่มีตำนานเล่าขานและได้รับการยอมรับมานานกว่า 2000 ปี ในประเทศจีน นับตั้งแต่สมัยจักรพรรดิ์ฉินซีฮ่องเต้เป็นต้นมา มีชื่อเรียกได้หลายชื่อ เช่น เห็ดหมื่นปี เห็ดอมตะ เห็ดจวักงู เห็ดหิมะ เห็ดศักดิ์สิทธิ์ หรือเห็ดเคลือบแล็คเกอร์ เป็นต้น ในประเทศจีนเรียกเห็ดนี้ว่า Ling zhi ส่วนในญี่ปุ่นเรียกว่า Reishi เป็นเห็ดที่มีคุณค่าสูงและราคาแพง ในตำราสมุนไพรจีนหลายเล่มได้กล่าวยกย่องเห็ดหลินจือว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งชีวิต” มีพลังมหัศจรรย์ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ และยังรักษาโรคต่างๆ ได้มากมาย นอกจากสรรพคุณที่ดีแล้ว ยังปลอดภัยไม่มีพิษใดๆ ต่อร่างกาย จึงจัดได้ว่าดีที่สุดในหมู่สมุนไพรจีน
ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาในหลายประเทศมีการนำเห็ดหลินจือมาใช้กับผู้ป่วยมะเร็ง และมีแนวโน้มจะใช้กันมากขึ้น ทั้งในเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม กลุ่มสหภาพ ยุโรป รวมทั้งอเมริกา โดยมีข้อมูลของเห็ดหลินจือ เผยแพร่ไปทั่วโลกแล้วกว่า 200,000 เว็บไซท์
ในปี 2545 อย.ของจีน อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเห็ดหลินจือ เพื่อใช้ร่วมกับการฉายรังสีและเคมีบำบัด เนื่องจากผ่านการทดลองวิจัยทางคลินิกครบทุกขั้นตอน ตามมาตรฐานการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยผู้ป่วยมะเร็งของจีนได้รับการรักษาด้วยหลินจือแล้วมากว่า 1 ล้านคน
การยกระดับเห็ดหลินจือจากที่เคยใช้เฉพาะบำรุงร่างกาย และจำกัดอยู่ในวงการแพทย์แผนโบราณ มาใช้ในผู้ป่วยมะเร็งโดยแพทย์แผนปัจจุบันก็เพราะไม่อาจปฎิเสธสรรพคุณที่มีอยู่จริง ในการต่อต้านมะเร็งของเห็ดหลินจือ
เดือนมีนาคม 2548 FDA สหรัฐ อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเห็ดหลินจือ อยู่ในรายการที่สามารถทำการวิจัยในผู้ป่วยมะเร็งได้
ปัจจุบันเห็ดหลินจือกำลังเป็นสมุนไพรที่มีชื่อเสียงและอยู่ในตำรับยาของสหรัฐและอีกหลายประเทศในยุโรป เป็นยาทางเลือกเพื่อรักษามะเร็ง ลดความดันโลหิตสูง ลดไขมัน ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่า เนื่องจากสรรพคุณของเยอรมาเนียมที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในเห็ดหลินจือ และจากคุณสมบัติทางเภสัชอันเนื่องมาจากสมุนไพรอื่นๆ อีกรวม 252 ชนิดประกอบกัน
ทำให้หลินจือเป็นที่ยอมรับว่าเป็น เห็ดมหัศจรรย์ (Miracle Mushroom) ที่กระทรวงสาธารณสุขประเทศญี่ปุ่น อนุญาตให้ใช้เป็นยาทางเลือกเพื่อรักษาโรคมะเร็ง
ในธรรมชาติพบเห็ดหลินจือได้ในป่าเขตอบอุ่นและเขตร้อน โดยมักขึ้นอยู่กับขอนไม้ที่ตายแล้ว เช่น ต้นคูณ ก้ามปู หางนกยูงฝรั่ง ยางพารา มะขาม หมาก เป็นเห็ดที่ใต้หมวกไม่มีครีบแต่มีรูเล็กเป็นจำนวนมาก ในรูเหล่านี้จะมีสปอร์ของเห็ดมากมาย เมื่อเกิดใหม่ดอกเห็ดจะมีลักษณะเป็นแท่ง จากยอดลงมาโคนเป็นสีขาว เหลือง และน้ำตาล ต่อมาส่วนบนจะเจริญแผ่กว้างออกมาเป็นหมวกมีลักษณะคล้ายพัด และอาจมีรูปร่างคล้ายถั่วแดง หรือไต ดอกเห็ดที่สมบูรณ์จะมีสีน้ำตาลแดง สีของหมวกจะมันวาวเหมือนทาแล็คเกอร์สีแดง หรือแดงอมน้ำตาล
ทำไมต้องเป็นเห็ดหลินจือแดง
เห็ดหลินจือมีขึ้นอยู่ในธรรมชาติถึง 113 สายพันธุ์ โดยมีที่ประเทศจีนมากที่สุดถึง 86 สายพันธุ์ พันธุ์ที่ได้รับความนิยมและมีสรรพคุณทางยาสูงสุดคือชนิด “กาโนเดอร์ม่า ลูซิดั้ม” (Ganoderma lucidum) หรือเห็ดหลินจือแดง หรือกล่าวได้ว่า เห็ดหลินจือแดงเป็นเห็ดที่จัดว่ามีคุณค่าสูงสุดในตระกูลเห็ดหลินจือทั้งหมด ปัจจุบันสามารถเพาะเลี้ยงได้ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
สารสำคัญในเห็ดหลินจือแดง
เห็ดหลินจือได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์และแพทย์แผนปัจจุบันมากว่า 30 ปีแล้ว มีการทำวิจัยค้นคว้า และรายงานเอกสารทางวิชาการออกมากว่าร้อยฉบับ จากการตรวจสอบโครงสร้างทางเคมี พบว่าเห็ดหลินจือมีองค์ประกอบทางเคมีที่เป็นประโยชน์กว่า 150 ชนิด มีทั้งสารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง และสารที่มีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรคที่เรียกว่าสารออกฤทธิ์เช่น
1. โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ไม่ถูกย่อยในกระเพาะ ทำให้ผ่านเข้าไปดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ซึ่งมีแมคโครเฟ็จรอรับอยู่ เป็นอาหารแก่เม็ดเลือดขาวหรือกระตุ้นให้แมคโครเฟ็จทำงานเข้มแข็ง มีบทบาทสำคัญในเรื่องกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ประกอบด้วยสารสำคัญคือ
กาโนเดอแรนส์ (Ganoderans) ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
สารกึ่งเซลลูโลส ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็ง
เบต้าดีกลูแคน (Beta–D–Glucan) กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ทำให้มีการเพิ่มของอิมมูโนโกลบูลิน อินเตอร์ลิวคิน และอินเตอร์เฟอรอน จึงเพิ่มประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันโรคในการต่อต้านมะเร็ง เชื้อไวรัส
คุณสมบัติที่ค้นพบของกลูแคน คือ ไปกระตุ้นหรือบำรุงเม็ดเลือดขาวตัวกลืนกินขนาดใหญ่ ที่เรียก แมคโครเฟ็จ หรือกรณีแมคโครเฟ็จอยู่ที่ผิวหนังก็เรียก แลงเกอร์ฮานส์เซลล์ (ตั้งชื่อตามผู้ค้นพบ) อันเป็นตัวที่กินและย่อยสิ่งแปลกปลอม พร้อมหลั่งสารเคมีไซโตไคน์ (cytokines) หลายชนิดเพื่อทำหน้าที่ภูมิคุ้มกัน ซึ่งก็คือ สรรพคุณต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เอดส์ งูสวัด เป็นต้น ตลอดจนเซลล์มะเร็ง
กลูแคนยังออกฤทธิ์ที่เซลล์แลงเกอร์ฮานส์ทำให้เซลล์แข็งแรง สร้างคอลลาเจน และกรดไฮอะลูโรนิค เพิ่มเซลล์ใหม่ ได้ผิวที่แข็งแรง
ปกติแมคโครเฟ็จจะแฝงตัวเงียบๆ อยู่ทั่วไป ต่อเมื่อถูกกระตุ้นจึงจะทำงาน โดยออกมากลืนกินสิ่งแปลกปลอม และผลิตโปรตีนชื่อ ไซโตไคน์ (cytokines) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันเข้ามาช่วยต่อสู้อีกแรง
สิ่งที่ไปกระตุ้นแมคโครเฟ็จได้เท่าที่พบแล้ว คือ กลูแคน กับแร่ธาตุ เยอรมาเนียม
กลไกการกระตุ้นอธิบายว่าอาจเป็นเสมือน 1.ลูกกุญแจที่พอดีไขแม่กุญแจ คือ ตัวกระตุ้นมาประกบบนผิวของ แมคโครเฟ็จได้อย่างแนบสนิท 2.บางท่านสันนิษฐานว่าตัวกระตุ้นคงเป็นสารอาหารพิเศษ 3.หรือเป็นเหมือนรหัสคำสั่ง password ที่ทำให้เครื่องทำงาน
จะอธิบายอย่างไรก็ตาม ผลที่พิสูจน์ทราบก็คือ เมื่อมีกลูแคน หรือเยอรมาเนียม แมคโครเฟ็จจะทำงานอย่างแข็งขัน
มีงานวิจัยเพื่อติดตามการทำงานของกลูแคน โดยการใช้ C–13 ฉาบไปที่ผิวของกลูแคน พบว่ากลูแคนไม่ถูกย่อยด้วยกรด และน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ทำให้ผ่านสู่ลำไส้เล็ก ซึ่งมีแมคโครเฟ็จจำนวนมาก แมคโครเฟ็จจึงถูกกระตุ้นด้วยกลูแคนทันที แล้วผ่านต่อไปต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง ทำการสร้างสารไซโตไคน์ชนิดต่างๆ ได้แก่อินเตอร์ลิวคิน–1, อินเตอร์ลิวคิน–6 สารจีเอม–ซีเอสเอฟ (GM–CSF) และอินเตอร์เฟอรอน ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านเซลล์มะเร็ง